รู้ก่อนซื้อตั๋วเครื่องบิน
“หนังสือเดินทางที่มีอายุการใช้งาน เหลือมากกว่า 6 เดือน” หมายความว่าอย่างไร ถ้าเพิ่งทำหนังสือเดินทางมา จะใช้เดินทางเลยได้หรือไม่ เรามีคำตอบให้ค่ะ
หากคุณเพิ่งทำหนังสือเดินทางเล่มแรก หรือ เพิ่งทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ คุณสามารถใช้หนังสือเดินทางเล่มนั้นเดินทางได้เลย
สำคัญ!!! อย่าลืมเช็กด้วยว่า จะต้องยื่นขอวีซ่าก่อนเดินทางหรือไม่
แต่สำหรับผู้ที่ทำหนังสือเดินทางมานานแล้ว ต้องดูก่อนว่า หนังสือเดินทางเล่มนั้น
จะหมดอายุเมื่อไหร่ และมีหน้าว่างเหลือให้ประทับตราวีซ่าหรือติดสติกเกอร์วีซ่าหรือเปล่า
ถามว่า ทำไมถึงต้องเช็กวันหมดอายุของหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตด้วย
ตอบ เพราะ หนังสือเดินทาง (Passport) เป็นเอกสารหลักฐานที่ออกให้โดยหน่วยงานของรัฐ ไว้สำหรับใช้ยืนยันตัวตนในต่างประเทศ เพื่อแสดงให้คนในต่างประเทศทราบว่า
ผู้ที่มี ชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด ภาพถ่าย และข้อมูลอื่นๆ ที่ปรากฎในหนังสือเดินทางคือใคร
เป็นพลเมืองของประเทศไหน ภาพถ่ายที่อยู่ในหนังสือเดินทาง ตรงกับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางหรือไม่ จึงจำเป็นต้องอัปเดตข้อมูลในหนังสือเดินทางให้ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด
ซึ่งก็เหมือนกับ บัครประชาชน ที่เราใช้ยืนยันตัวตนภายในประเทศ มีอายุใช้งาน 8 ปี ในขณะที่หนังสือเดินทางที่ใช้กันทั่วโลก มีอายุการใช้งานไม่เกิน 10 ปี สำหรับประเทศไทยจะมีแบบอายุการใช้งาน 5 ปี กับ 10 ปี ให้เลือกตามความสมัครใจ
แล้ววันหมดอายุของพาสปอร์ต ดูได้จากตรงไหน
เมื่อคุณเปิดหนังสือเดินทางเห็น หน้าที่มีภาพถ่าย ชื่อนามสกุลไทย-อังกฤษ วันเดือนปีเกิด และข้อมูลอื่นๆ ซึ่งเราจะเรียกหน้านี้กันว่า หน้าข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Page) จะมี วันที่ออก และ วันหมดอายุ ของหนังสือเดินทางระบุไว้
แต่...เราไม่สามารถใช้หนังสือเดินทางได้จนถึงวันสุดท้ายที่หมดอายุ ซึ่งไม่เหมือนกับบัตรประชาชน ที่สามารถใช้ได้จนถึงวันที่หมดอายุ สาเหตุที่เราไม่สามารถใช้หนังสือเดินทางได้จนถึงวันสุดท้ายที่หมดอายุ เพราะ ตามข้อกำหนดของ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization – ICAO) นั้น
เอกสารที่ใช้สำหรับเดินทางระหว่างประเทศ ควรมีอายุมากกว่า 6 เดือน ทั้งนี้เพื่อเป็นการเผื่อเหลือเผื่อขาด กรณีมีเหตุฉุกเฉินต่างๆ ที่อาจจะทำให้ผู้เดินทาง อยู่ในต่างประเทศเกินอายุหนังสือเดินทาง เช่น การเจ็บป่วย การพลัดหลง การติดค้างอยู่ในสนามบิน การเปลี่ยนเที่ยวบิน เป็นต้น
ดังนั้น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. ของหลายๆ ประเทศ จึงถือเป็นแนวปฏิบัติแนวเดียวกัน ซึ่งเป็นเหตุให้ สายการบินระหว่างประเทศ สายต่างๆ
มักจะเกรงว่า ถ้าหากอนุโลมให้ผู้ถือหนังสือเดินทางที่มีอายุน้อยกว่า 6 เดือนขึ้นเครื่อง และผู้โดยสารถูก ตม. ประเทศปลายทางปฏิเสธให้เข้าเมือง ก็จะกลายเป็นภาระของสายการบินในการส่งผู้โดยสารกลับประเทศต้นทาง
ความงงอาจจะยังไม่หมด เพราะเวลาจะยื่นขอวีซ่า แต่ละประเทศก็ใช้คำไม่เหมือนกัน แล้วมันคืออะไร หมายความว่าอย่างไร เช่น
- Passport valid for 3 months after departure from the Schengen area and must have at least 2 unused pages.
- Passport valid for at least 3 months from the date of expiry of the requested visa.
- A travel document, issued less than 10 years ago, containing at least two blank pages, with a period of validity at least 3 months longer than the date on which you intend to leave the Schengen Area.
- Passport of the applicant with at least two blank pages, which should be valid for at least 06 months before submission.
- You must have a passport that is valid for at least three months after the end of your visit.
ตัวอย่างข้างต้น
คัดลอกมาจากรายการเอกสารที่ใช้ยื่นขอวีซ่าเชงเก้นของบางประเทศ จะเห็นได้ว่า มีทั้งแบบอายุหนังสือเดินทางเหลืออย่างน้อย 3 เดือน กับ 6 เดือน แต่ไม่ว่าจะเขียนต่างกันอย่างไร สรุปคือ ถ้าหากจะยื่นขอวีซ่าเชงเก้น ไม่ว่าจะประเทศใดก็ตาม
หนังสือเดินทางของคุณจะต้องมีอายุเหลืออยู่อย่างน้อย 3 เดือน นับจากวันที่คุณเดินทางออกจากกลุ่มประเทศเชงเก้น หรือนับจากวันสุดท้ายของวีซ่าที่ยื่นขอไว้ หรืออีกนัยนึง คือ วันที่คุณยื่นคำร้องขอวีซ่า พาสปอร์ตของคุณจะต้องมีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน
แต่ก็มีบางประเทศที่ไม่ได้ใช้หลักเกณฑ์ “หนังสือเดินทางที่มีอายุการใช้งาน เหลือมากกว่า 6 เดือน” ในการเดินทางเข้าประเทศ เช่น
ญี่ปุ่น ไม่ได้กำหนดอายุหนังสือเดินทางที่เหลืออยู่ว่าต้องเหลืออย่างน้อยเท่าไหร่ถึงจะใช้เข้าประเทศได้ แค่กำหนดว่าจะต้องครอบคลุมระยะเวลาที่อยู่ในญี่ปุ่นเท่านั้น
หรือ ฮ่องกง กำหนดให้ผู้เดินทางเข้าฮ่องกงทุกคน หนังสือเดินทางจะต้องมีอายุเหลืออยู่อย่างน้อย 1 เดือน เป็นต้น
แต่ทั้งนี้แนะนำว่า ควรเช็กกับสายการบินที่เราจะใช้เดินทางไปยังประเทศดังกล่าว ก่อนที่จะซื้อตั๋วเครื่องบิน หรือ ก่อนวันเดินทางอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์จะดีกว่า เพื่อที่จะได้ไม่ฉุกละหุกเมื่อใกล้เดินทางหรือในวันเดินทาง
อย่างไรก็ตาม การที่เรามีอายุหนังสือเดินทางเหลือใช้งานมากกว่า 6 เดือน ก่อนเดินทางไปประเทศใดก็ตาม ก็จะเป็นการดีกว่า ตอนนี้เราก็ทราบกันแล้วใช่ไหมคะว่า
ทำไมเราถึงต้องเช็กวันหมดอายุของพาสปอร์ตก่อนเดินทางหรือก่อนยื่นขอวีซ่า ถ้าหากจะเดินทาง ไปยังประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า ก็เดินทางกันได้เลยค่ะ แต่ถ้าต้องขอวีซ่า เราก็ไปเตรียมเอกสาร สำหรับยื่นขอวีซ่า ประเทศที่ต้องการกันเลยค่ะ
อ้อ!!!... สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด แล้วก็สำคัญด้วย คือ
ในหนังสือเดินทางของคุณ จะต้องมีหน้าว่างๆ (ที่ไม่มีตราประทับ) เหลืออยู่ อย่างน้อย 2 หน้า เพื่อที่ทางสถานทูต จะได้ติดสติกเกอร์วีซ่า หรือ ประทับตราวีซ่า ให้ได้
ถ้าหน้าว่างๆ หมด แต่หนังสือเดินทางยังมีอายุอยู่ ก็คงไม่มีประโยชน์ ดังนั้นควรไปทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ค่ะ ขอให้มีความสุข สนุก กับการเดินทางนะคะ
หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-passport) คืออะไร?
เป็น หนังสือเดินทางที่มีคุณลักษณะเฉพาะทางเทคนิค ตามข้อกำหนด ขององค์การ การบินพลเรือน ระหว่างประเทศ (ICAO) โดยประเทศไทย ได้นำระบบหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Passport) มาใช้ตั้งแต่เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2548 ซึ่งมีความแตกต่าง จากหนังสือเดินทางแบบเดิม ดังนี้
วัสดุที่ใช้ประกอบด้วย กระดาษที่เป็น security paper แบบพิเศษ เนื้อกระดาษมีเส้นใยที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า รวมทั้งมีลวดลายที่มองไม่เห็นกระจายอยู่ทั่วแผ่น แผ่นข้อมูลเป็นพลาสติก polycarbonate เพื่อใช้การพิมพ์ด้วยเลเซอร์ และมีการพิมพ์ลวดลายแฝงบนหน้าข้อมูล
พร้อมทั้งมีการบันทึก ข้อมูลชีวภาพ หรือ ข้อมูลชีวมาตร (Biometrics Data) ได้แก่ การเก็บรูปใบหน้า ลายนิ้วมือ ม่านตา ลงใน microchip ซึ่งเป็นแบบ Contactless Integrated Circuit โดยฝังอยู่ในเล่มหนังสือเดินทาง มีการเข้ารหัสข้อมูล เพื่อการตรวจสอบ ความถูกต้องแท้จริง ของหนังสือเดินทาง
หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ดีกว่า หนังสือเดินทาง แบบเดิมอย่างไร
สามารถป้องกันการปลอมแปลงได้สูง เป็นมาตรการสำคัญ ในการสกัดกั้น ขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติ การลักลอบเข้าเมือง ฯลฯ หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้การตรวจสอบ เพื่อพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคล ได้ถูกต้องแม่นยำและรวดเร็ว
ทั้งยังสามารถใช้กับระบบ automatic gate ในการเดินทางเข้า-ออกนอกประเทศไทยได้ด้วย ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวก ต่อการเดินทาง และ ส่งเสริมการท่องเที่ยว เสริมสร้างภาพลักษณ์ ของประเทศ ทำให้หนังสือเดินทางไทย มีความน่าเชื่อถือ และ ได้รับการยอมรับ ในระดับสากลยิ่งขึ้น